วันนี้จะพามาทำความรู้จักและเข้าใจกับ “โรคซึมเศร้า” ผ่านการเล่าสู่กันฟังจากคุณ ‘นีโม่’ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากันสักหน่อยค่ะ คุณ ‘นีโม่’ เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาศัยอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย เนื่องจากบ้านอยู่ต่างจังหวัด เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา จากการต้องเจอจับมรสุมความเศร้าโศกที่ต้องเสียคุณแม่ที่เป็นทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทไป ต่อจากนั้นไม่นานก็เสียสุนัขตัวเดียวที่รักมากที่สุดไปอีก ความเศร้าโศกก็เริ่มบั่นทอนจิตใจเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับบ้านมาเจอเรื่องช็อกที่ดูจะเป็นจุดที่เริ่มรู้สึกถึงอาการซึมเศร้าคือเรื่องครอบครัวใหม่ของคุณพ่อ หลังจากที่เจอปัญหาต่างๆ คุณนีโม่ก็หนีกลับมาเรียนต่อ ตอนนั้นก็เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ จะหลับก็ต่อเมื่อร่างกายไม่ไหวจริงๆ ร้องไห้ทุกวัน เริ่มรำคาญสิ่งรอบๆตัวทั้งผู้คน และโซเชี่ยลต่างๆ ทั้งที่ปกติแล้วเป็นคนเฟรนด์ลี่และมีเพื่อนเยอะมาก อาการนอนไม่หลับเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนส่งผลกระทบต่อการเรียน ไม่สามารถตื่นไปเรียนตอนเช้าได้ และเข้าเรียนก็ไม่มีสมาธิในการเรียน ผลการเรียนแย่ลงเรื่อยๆ และเนื่องจากที่มีเพื่อนเยอะ เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ค่อยออกมาเจอเพื่อน ไม่เล่นโซเชี่ยล เพื่อนๆจึงถามว่าเป็นอะไร คุณนีโม่ก็ไม่อยากบอกอะไรและไม่อยากให้คนมาถามเพราะคิดว่าไม่มีคนเข้าใจเราเลย ไม่มีใครรักเราจริงๆ พอหนักเข้าก็เริ่มพังข้าวของ เอาอารมณ์ไปลงที่สิ่งของต่างๆ เบื่อหน่ายผู้คนก็ถึงขั้นขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก บางเวลาที่อยู่กับเพื่อนก็เป็นคนร่าเริงปกติ แต่ตอนอยู่คนเดียวก็ร้องไห้คิดถึงคุณแม่ เมื่อกลับไปที่บ้านก็รู้สึกว่าทำไมที่บ้านไม่เหมือนเดิม ทำไมคุณแม่ไม่อยู่แล้ว ทำไมหมาที่เรารักไม่อยู่แล้ว คนที่รักเราจริงๆเค้าจากไปแล้ว ไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ไม่มีความสุขเลย ยิ่งผลการเรียนแย่ก็ยิ่งคิดมากว่าตัวเองดูเป็นภาระ อยากไปอยู่กับคุณแม่ เริ่มคิดฆ่าตัวตาย ตอนนั้นคุณนีโม่ก็รู้ตัวแล้วว่าอาการนอนไม่หลับ และความคิดทางลบของตัวเองมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากเกินไป จึงตัดสินใจไปหาคุณหมอจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วงเดือนตุลาคม เพราะอยากจะรักษาโรคนอนไม่หลับของตัวเอง แต่พอได้พูดคุยและเล่าปัญหาให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็ได้ทำการวินิจฉัยว่า ‘คุณนีโม่เป็นโรคซึมเศร้า’ ประเภทเรื้อรังมานานเหมือนอาการเก็บกดสะสมมาเรื่อยๆ คุณหมอบอกว่าบางคนก็เป็นประเภทนี้ แต่บางคนปุบปับแล้วเป็นขึ้นมา จะฆ่าตัวตายเลยก็มีเหมือนกัน หลักจากนั้นก็เริ่มทำการรักษา การรักษาก็มีทั้งการรักษาด้วยตัวยา และรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยยาที่คุณนีโม่ได้รับมามีสองตัวด้วยกันคือ ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาคลายเครียด ได้เข้าพบและรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ทุกๆเดือน เริ่มรู้สึกว่ามีคนที่เข้าใจเรา มีบางทีคุณหมอก็รับฟังเฉยๆ ไปจนถึงดุการกระทำต่างๆของตัวคุณนีโม่ โดยคำพูดจากคุณหมอที่คุณนีโม่จำได้ดีคือ “ตามที่หมอฟังมา คุณจะโทษทุกอย่างบนโลกนี้ยกเว้นโทษตัวคุณเองใช่มั้ยที่ทำให้เป็นแบบนี้ หมออยากให้คุณค่อยๆเปลี่ยนทัศคติต่างๆต่อสิ่งครอบตัว ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่อย่างงั้นมันก็จะวนมาที่จุดเดิมๆ ไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆปรับไปก็ได้“ คุณนีโม่รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่มีพลังมากๆ ทำให้เค้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และยอมรับความจริงในปัจจุบัน หลังจากนั้นคุณนีโม่จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกกับทุกอย่าง เลือกรู้สึกเพียงแค่สิ่งดีๆ ทำให้ตัวเองพัฒนา ตั้งเป้าหมายเล็กๆ เปลี่ยนบรรกาศ คิดลองทำกิจกรรมใหม่ๆ กิจกรรมที่ตัวเองชอบหรือถนัด เนื่องจากคุณนีโม่รู้สึกว่าตัวเองขาดความรัก คุณหมอจึงแนะนำให้ลองเป็นผู้ให้ความรักบ้าง เป้าหมายแรกของคุณนีโม่จึงเป็น ‘ลองเป็นผู้ให้ความรัก’ คุณนีโม่เลือกเปลี่ยนบรรยากาศโดยการไปอยู่กับคุณลุงซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนประถม และไปช่วยงานคุณลุงที่โรงเรียน การได้อยู่กับเด็กๆ ได้เป็นผู้ให้ทั้งความรู้และความรัก นอกจากจะเป็นผู้ให้แล้ว การได้รับความรักจากเด็กๆกลับมา ทำให้คุณนีโม่มีความสุขมาก รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความสุขขึ้นอีกครั้ง และเริ่มเปิดใจกับสิ่งต่างๆมากขึ้น หลังจากที่ไปอยู่กับคุณลุงเป็นเวลาสองเดือน คุณนีโม่ก็กลับไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง คุณหมอประเมินเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้น จึงให้คุณนีโม่ค่อยๆลดยาลง จากอย่างละสองเม็ดเป็นอย่างละหนึ่งเม็ด จนปัจจุบันเหลืออย่างละครึ่งเม็ด ตอนนี้คุณนีโม่ก็ยังทำการรักษาอยู่เรื่อยๆ มีบางทีที่ยังรู้สึกมีอาการเศร้าๆบ้าง แต่ก็ไม่ร้องไห้เลยมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว 🙂 คุณนีโม่บอกว่านอกจากการได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว สิ่งที่ช่วยพื้นฟูจิตใจอีกอย่างคือการอ่านหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ แนวคิดจิตวิทยาต่างๆและการจดไดอารี่ เพื่อให้รู้ว่าแต่ละวันทำอะไร รู้สึกยังไงบ้าง ไม่ได้จดทุกวัน บางทีขี้เกียจก็จดเป็นอาทิตย์ก็มี แต่ก็พยายามสังเกตตัวเองอยู่เรื่อยๆ ต่อสู้กับความคิดที่ไม่ดี ขจัดมันออกไป ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีในระดับนึงเลยหล่ะ 😀 สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองเข้าข่าย รู้สึกไม่สบายใจ หรือเพื่อนๆที่เป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกัน คุณนีโม่แนะนำและให้กำลังใจว่าอยากให้รีบไปปรึกษาจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากคุณหมอนั้นจะรู้ว่าควรรักษาเราตรงไหน และทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดขึ้น อย่าอยู่คนเดียว และอย่ากลัวที่จะไปหาหมอ ต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติตัวเองให้ได้ เราไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีอีกหลายๆคนที่รักเรา อาจจะมีบางทีที่คนทั่วไปไม่เข้าใจว่าเราเป็นอะไร ทำไมเราถึงมองโลกในแง่ลบ ก็ไม่ต้องใส่ใจมาก ไม่ต้องรู้สึกกับทุกอย่าง แค่เข้าใจตัวเองก็พอ คุณนีโน่ยังบอกอีกว่าที่พูดมาก็ใช่ว่าตัวเองจะทำได้หมด(ฮา) แต่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง เริ่มจากเรื่องเล็กๆ สิ่งเล็กๆนั้นดีที่สุดค่ะ และสำหรับใครที่อยากจะเข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้น คุณนีโม่แนะนำว่าให้ลองหาหนังสือ ‘เรื่องเล่าจากภูเขาน้ำแข็ง’ ของคุณ ดาวเดียวดาย มาลองอ่านกันดูค่ะ มันตรงมากจริงๆ หนังสือที่คุณนีโม่แนะนำเพื่อให้เข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้น ขอบคุณคุณ ‘นีโม่’ สำหรับการแบ่งปันเรื่องราวในครั้งนี้นะคะ 🙂 Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
เล่าสู่กันฟังและคำแนะนำจากคุณนีโม่ ผู้เผชิญกับ “โรคซึมเศร้า”
วันนี้จะพามาทำความรู้จักและเข้าใจกับ “โรคซึมเศร้า” ผ่านการเล่าสู่กันฟังจากคุณ ‘นีโม่’ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากันสักหน่อยค่ะ
คุณ ‘นีโม่’ เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาศัยอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย เนื่องจากบ้านอยู่ต่างจังหวัด เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา จากการต้องเจอจับมรสุมความเศร้าโศกที่ต้องเสียคุณแม่ที่เป็นทั้งครอบครัวและเพื่อนสนิทไป ต่อจากนั้นไม่นานก็เสียสุนัขตัวเดียวที่รักมากที่สุดไปอีก ความเศร้าโศกก็เริ่มบั่นทอนจิตใจเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับบ้านมาเจอเรื่องช็อกที่ดูจะเป็นจุดที่เริ่มรู้สึกถึงอาการซึมเศร้าคือเรื่องครอบครัวใหม่ของคุณพ่อ
หลังจากที่เจอปัญหาต่างๆ คุณนีโม่ก็หนีกลับมาเรียนต่อ ตอนนั้นก็เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ จะหลับก็ต่อเมื่อร่างกายไม่ไหวจริงๆ ร้องไห้ทุกวัน เริ่มรำคาญสิ่งรอบๆตัวทั้งผู้คน และโซเชี่ยลต่างๆ ทั้งที่ปกติแล้วเป็นคนเฟรนด์ลี่และมีเพื่อนเยอะมาก อาการนอนไม่หลับเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆจนส่งผลกระทบต่อการเรียน ไม่สามารถตื่นไปเรียนตอนเช้าได้ และเข้าเรียนก็ไม่มีสมาธิในการเรียน ผลการเรียนแย่ลงเรื่อยๆ และเนื่องจากที่มีเพื่อนเยอะ เมื่อพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ค่อยออกมาเจอเพื่อน ไม่เล่นโซเชี่ยล เพื่อนๆจึงถามว่าเป็นอะไร คุณนีโม่ก็ไม่อยากบอกอะไรและไม่อยากให้คนมาถามเพราะคิดว่าไม่มีคนเข้าใจเราเลย ไม่มีใครรักเราจริงๆ พอหนักเข้าก็เริ่มพังข้าวของ เอาอารมณ์ไปลงที่สิ่งของต่างๆ เบื่อหน่ายผู้คนก็ถึงขั้นขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก
บางเวลาที่อยู่กับเพื่อนก็เป็นคนร่าเริงปกติ แต่ตอนอยู่คนเดียวก็ร้องไห้คิดถึงคุณแม่ เมื่อกลับไปที่บ้านก็รู้สึกว่าทำไมที่บ้านไม่เหมือนเดิม ทำไมคุณแม่ไม่อยู่แล้ว ทำไมหมาที่เรารักไม่อยู่แล้ว คนที่รักเราจริงๆเค้าจากไปแล้ว ไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ไม่มีความสุขเลย ยิ่งผลการเรียนแย่ก็ยิ่งคิดมากว่าตัวเองดูเป็นภาระ อยากไปอยู่กับคุณแม่ เริ่มคิดฆ่าตัวตาย
ตอนนั้นคุณนีโม่ก็รู้ตัวแล้วว่าอาการนอนไม่หลับ และความคิดทางลบของตัวเองมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากเกินไป จึงตัดสินใจไปหาคุณหมอจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ช่วงเดือนตุลาคม เพราะอยากจะรักษาโรคนอนไม่หลับของตัวเอง แต่พอได้พูดคุยและเล่าปัญหาให้คุณหมอฟัง คุณหมอก็ได้ทำการวินิจฉัยว่า ‘คุณนีโม่เป็นโรคซึมเศร้า’ ประเภทเรื้อรังมานานเหมือนอาการเก็บกดสะสมมาเรื่อยๆ คุณหมอบอกว่าบางคนก็เป็นประเภทนี้ แต่บางคนปุบปับแล้วเป็นขึ้นมา จะฆ่าตัวตายเลยก็มีเหมือนกัน หลักจากนั้นก็เริ่มทำการรักษา
การรักษาก็มีทั้งการรักษาด้วยตัวยา และรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยยาที่คุณนีโม่ได้รับมามีสองตัวด้วยกันคือ ยาต้านอาการซึมเศร้า และยาคลายเครียด ได้เข้าพบและรับคำปรึกษาจากจิตแพทย์ทุกๆเดือน เริ่มรู้สึกว่ามีคนที่เข้าใจเรา มีบางทีคุณหมอก็รับฟังเฉยๆ ไปจนถึงดุการกระทำต่างๆของตัวคุณนีโม่ โดยคำพูดจากคุณหมอที่คุณนีโม่จำได้ดีคือ “ตามที่หมอฟังมา คุณจะโทษทุกอย่างบนโลกนี้ยกเว้นโทษตัวคุณเองใช่มั้ยที่ทำให้เป็นแบบนี้ หมออยากให้คุณค่อยๆเปลี่ยนทัศคติต่างๆต่อสิ่งครอบตัว ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่อย่างงั้นมันก็จะวนมาที่จุดเดิมๆ ไม่ต้องรีบร้อนค่อยๆปรับไปก็ได้“ คุณนีโม่รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่มีพลังมากๆ ทำให้เค้าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และยอมรับความจริงในปัจจุบัน
หลังจากนั้นคุณนีโม่จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกกับทุกอย่าง เลือกรู้สึกเพียงแค่สิ่งดีๆ ทำให้ตัวเองพัฒนา ตั้งเป้าหมายเล็กๆ เปลี่ยนบรรกาศ คิดลองทำกิจกรรมใหม่ๆ กิจกรรมที่ตัวเองชอบหรือถนัด เนื่องจากคุณนีโม่รู้สึกว่าตัวเองขาดความรัก คุณหมอจึงแนะนำให้ลองเป็นผู้ให้ความรักบ้าง เป้าหมายแรกของคุณนีโม่จึงเป็น ‘ลองเป็นผู้ให้ความรัก’
คุณนีโม่เลือกเปลี่ยนบรรยากาศโดยการไปอยู่กับคุณลุงซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนประถม และไปช่วยงานคุณลุงที่โรงเรียน การได้อยู่กับเด็กๆ ได้เป็นผู้ให้ทั้งความรู้และความรัก นอกจากจะเป็นผู้ให้แล้ว การได้รับความรักจากเด็กๆกลับมา ทำให้คุณนีโม่มีความสุขมาก รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความสุขขึ้นอีกครั้ง และเริ่มเปิดใจกับสิ่งต่างๆมากขึ้น
หลังจากที่ไปอยู่กับคุณลุงเป็นเวลาสองเดือน คุณนีโม่ก็กลับไปพบจิตแพทย์อีกครั้ง คุณหมอประเมินเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้น จึงให้คุณนีโม่ค่อยๆลดยาลง จากอย่างละสองเม็ดเป็นอย่างละหนึ่งเม็ด จนปัจจุบันเหลืออย่างละครึ่งเม็ด ตอนนี้คุณนีโม่ก็ยังทำการรักษาอยู่เรื่อยๆ มีบางทีที่ยังรู้สึกมีอาการเศร้าๆบ้าง แต่ก็ไม่ร้องไห้เลยมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว 🙂
คุณนีโม่บอกว่านอกจากการได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว สิ่งที่ช่วยพื้นฟูจิตใจอีกอย่างคือการอ่านหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ แนวคิดจิตวิทยาต่างๆและการจดไดอารี่ เพื่อให้รู้ว่าแต่ละวันทำอะไร รู้สึกยังไงบ้าง ไม่ได้จดทุกวัน บางทีขี้เกียจก็จดเป็นอาทิตย์ก็มี แต่ก็พยายามสังเกตตัวเองอยู่เรื่อยๆ ต่อสู้กับความคิดที่ไม่ดี ขจัดมันออกไป ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีในระดับนึงเลยหล่ะ 😀
สำหรับใครที่รู้สึกว่าตัวเองเข้าข่าย รู้สึกไม่สบายใจ หรือเพื่อนๆที่เป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกัน คุณนีโม่แนะนำและให้กำลังใจว่าอยากให้รีบไปปรึกษาจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากคุณหมอนั้นจะรู้ว่าควรรักษาเราตรงไหน และทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดขึ้น อย่าอยู่คนเดียว และอย่ากลัวที่จะไปหาหมอ ต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติตัวเองให้ได้ เราไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีอีกหลายๆคนที่รักเรา อาจจะมีบางทีที่คนทั่วไปไม่เข้าใจว่าเราเป็นอะไร ทำไมเราถึงมองโลกในแง่ลบ ก็ไม่ต้องใส่ใจมาก ไม่ต้องรู้สึกกับทุกอย่าง แค่เข้าใจตัวเองก็พอ คุณนีโน่ยังบอกอีกว่าที่พูดมาก็ใช่ว่าตัวเองจะทำได้หมด(ฮา) แต่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง เริ่มจากเรื่องเล็กๆ สิ่งเล็กๆนั้นดีที่สุดค่ะ
และสำหรับใครที่อยากจะเข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้น คุณนีโม่แนะนำว่าให้ลองหาหนังสือ ‘เรื่องเล่าจากภูเขาน้ำแข็ง’ ของคุณ ดาวเดียวดาย มาลองอ่านกันดูค่ะ มันตรงมากจริงๆ
หนังสือที่คุณนีโม่แนะนำเพื่อให้เข้าใจผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามากขึ้น
ขอบคุณคุณ ‘นีโม่’ สำหรับการแบ่งปันเรื่องราวในครั้งนี้นะคะ 🙂
Related Posts
Tips : แนะนำ item สำคัญต้อนรับวันเปิดเทอม!!
เข้าสู่ช่วงเดือนพฤภาคมซะแล้ว อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็ใกล้จะเปิดเทอมล่ะ วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำไอเท็มสำคัญๆที่ต้องพกไปโรงเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนวันแรกค่ะ
Sweet Summer X Gad It พาวเวอร์แบงค์ ลายคาแร็คเตอร์สุดคิ้วท์!!
สวัสดีค่า เพื่อนๆทุกคน วันนี้มาแนะนำพาวเวอร์แบงค์ ลายคาแร็คเตอร์สุดน่ารัก มีด้วยกัน 6 ลาย ถ้าอยากรู้ว่าน่ารักแค่ไหน ตามมาเลย~
REVIEW : U STAR X HOSHIO&KAMOMO เครื่องสำอางแบบซองพร้อมแปรงจาก ยู สตาร์
วันนี้มีเครื่องสำอางสุดน่ารักจะมาแนะนำอีกแล้ววว เครื่องสำอางที่ตอบโจทย์เพื่อนๆที่ไม่อยากพกเครื่องสำอางให้หนัก หรือ เพื่อนๆที่สะพายกระเป๋าใบเล็กไม่มีที่เยอะมาก ต้องชอบเจ้าสิ่งนี้เลย
” ช่วง COVID-19 กักตัวอยู่บ้าน ทำอะไรดีให้มีประโยชน์และไม่น่าเบื่อ “
แนะนำกิจกรรมที่น่าทำในวันที่ต้องกักตัวอยู่บ้านกันค่าา ❤
Majory x Medfirst ส่องสินค้ามาจอรี่ที่ไต้หวัน ☆
วันนี้เรามีสินค้าพรีเมี่ยมจากร้าน Medfirst ประเทศไต้หวัน มาแนะนำ ซึ่งทาง Medfirst ได้เลือกคาแร็คเตอร์มาจอรี่และจามิล่าของเราไปร่วมสนุกด้วย ซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นมีความคิ้วท์มากขนาดไหน ไปดูกันเลยดีกว่า ♥
Majory x Wacoal Bloom
สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาแนะนำ โปรโมชั่นสุดพิเศษ จาก วาโก …
เดินไป กินไป ที่ไต้หวัน
สวัสดีไต้หวัน เราจะไปตั้นสุย! ทริปนี้เอาใจสายกินโดยเฉพาะเน้นกินไม่เน้นเที่ยว โดยรวบรวมอาหารอร่อยๆที่เราได้กินมาให้เพื่อนๆได้หิวกัน
How to ลดน้ำหนักจากการทำงานบ้าน ♥
อยู่บ้านว่างๆอาจจะคิดถึงการออกกำลังกาย หรือ การเข้ายิม แต่งานบ้านก็สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้น้าา เพื่อนๆอาจจะยังไม่รู้ว่ามีงานบ้านอะไรบ้าง เผาผลาญแคลอรี่ไปเท่าไหร่ ลองมาดูกันค่าา ❤